วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน

อันนี้เป็น Blog  แรกที่เริ่มเขียนน่ะครับ ลอง ๆ เขียนดูยามว่าง คงเป็นเนื้อหาเรื่องราวทั่วไปที่ใจอยากจะเขียนน่ะครับ แต่ก็จะเป็นเรื่องความรู้ สถานที่่ท่องเที่ยว เหตุกาณ์น่าสนใจ เรื่อง รถ บ้าน ตกแต่ง และหลากหลายน่ะครับ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ หรืออาจจะไร้สาระบ้างก็ได้อย่าว่ากันน่ะครับ

เรื่องแรกเลยดีกว่า

ในฐานะที่ผมเป็นคนกรุงเทพฯ แล้วชีวิตก็จับพลัดจับผลู ต้องมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เชียงใหม่ ต้องบอกคำหนึ่งครับว่า ผมหลงรักเมือง เมืองนี้มาก เพราะด้วยความที่เป็นเอกลักษณ์ของเมือง ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม วัดวาอารามที่ยังคงความขลัง เหมือนต้องมนต์สะกด และมีเอกลักษณ์ ทำให้ผมอยากจะเขียนเรื่องราว สถานที่ท่องเที่ยว ของเมืองเชียงใหม่ให้ทุกท่านได้รู้กันนน่ะครับ เผื่อไว้เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากมาเที่ยวเมืองนี้ รับลองว่าคุณจะหลงรักเมืองนี้อย่างแน่นอน และอยากกลับมาเยือนอีก

ที่แรก เป็นที่ ที่ผมเคารพนับถือมากที่สุดและต้องมากราบไหว้ทุกครั้งที่มีโอกาสเข้ามาในตัวเมืองเชียงใหม่นั่นคือ  อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย


 อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย  ตั้งอยู่ตรงทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนถึงน้ำตกห้วยแก้ว ครูบาศรีวิชัยเป็นนักบุญแห่งล้านนาไทยผู้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวเชียงใหม่ และประชาชนโดยทั่วไป ผู้ที่จะขึ้นไปดอยสุเทพมักจะแวะนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยเพื่อความ เป็นสวัสดิมงคล ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ประชาชนชาวเหนือร่วมแรงร่วมใจกันสร้าง ถนนจากเชิงดอยขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ โดยเริ่มลงมือ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมระยะทางจากเชิงดอยไปถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ 10 กิโลเมตร      นอกจากนี้ผู้ที่สนใจตักบาตรยามเช้าที่เชียงใหม่ที่มีพระภิกษุเดินเป็นสายนับ ร้อยรูป สามารถมาที่เชิงดอยสุเทพ บริเวณลานครูบาศรีวิชัย ที่นี่จะมีพ่อค้าแม่ค้านำอาหารและน้ำให้บริการถึงที่ โดยผู้แสวงบุญไม่ต้องเตรียมของสำหรับใส่บาตรเลย พระภิกษุจำนวนมากนี้ เป็นพระเณรจากวัดศรีโสดา ซึ่งเป็นวัดที่ชาวเขานิยมมาบวชเรียนจำนวนมาก ผู้มาใส่บาตรควรแต่งกายสุภาพ ส่วนมากเวลาผมจะไปไหว้ช่วงเวลา เที่ยงคืน- ตี1 ครับ เพราะคนน้อยดี แต่จะบอกว่าก็ยังมีคนมาไหว้มากเหมือนกันน่ะครับช่วงดึกๆอย่างนี้ และร้านขายดอกไม้ธูปเทียนก็ปิดดึกด้วย ที่นี่เป็นที่แรกที่คุณห้ามพลาดเด็ดขาดถ้ามาเมืองเชียงใหม่

ต่อเลยน่ะครับ นั่นคือ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร


วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอด ดอยสุเทพ เป็นหนึ่งในวัดของจังหวัดเชียงใหม่ที่ มีความสำคัญมากที่สุด ในวัดมีเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงย่อมุมระฆังทรงแปดเหลี่ยมปิดด้วยทองจังโก 2 ชั้น ลานเจดีย์เป็นจุดชมทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่ ทางขึ้นเป็นบันไดนาคเจ็ดเศียรก่อปูน
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์เม็งราย พระองค์ทรงได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ ใหญ่ ที่ได้ทรงเก็บไว้สักการะบูชาส่วนพระองค์ถึง 13 ปี มาบรรจุไว้ที่นี่ ด้วยการทรงอธิษฐานเสี่ยงช้างมงคลเพื่อเสี่ยงทายสถานที่ประดิษฐาน พอช้างมงคลเดินมาถึงยอดดอยสุเทพ มันก็ร้องสามครั้ง พร้อมกับทำทักษิณาวัตรสาม รอบ แล้วล้มลง พระองค์จึงโปรดเกล้าฯให้ขุดดินลึก 8 ศอก กว้าง 6 วา 3 ศอก หาแท่นหินใหญ่ 6 แท่น มาวางเป็นรูปหีบใหญ่ในหลุม แล้วอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุลงประดิษฐานไว้ จากนั้นถมด้วยหิน แล้วก่อพระเจดีย์สูง 5 วา ครอบบนนั้น ด้วยเหตุนี้จึงห้ามพุทธศาสนิกชนที่ไปนมัสการสวมรองเท้าใน บริเวณพระธาตุ และมิให้สตรีเข้าไปบริเวณนั้น ในปี พ.ศ. 2081 สมัยพระเมืองเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ได้ทรงโปรดฯให้เสริมพระเจดีย์ให้สูงกว่าเดิม เป็นกว้าง 6 วา สูง 11 ศอก พร้อมทั้งให้ช่างนำทองคำทำเป็นรูปดอกบัวทองใส่บนยอดเจดีย์ และต่อมาเจ้าท้าวทรายคำ ราชโอรสได้ทรงให้ตีทองคำเป็นแผ่นติดที่พระบรมธาตุ
ในปี พ.ศ. 2100 พระมหาญาณมงคลโพธิ์ วัดอโศการาม เมืองลำพูนได้สร้างบันไดนาคหลวงทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้ประชาชนขึ้นไปสักการะได้สะดวกขึ้น และกระทั่งถึงสมัยครูบาศรีวิชัย ท่านได้สร้างถนนขึ้นไป โดยถนนที่สร้างนี้มีความยาวถึง 11.53 กิโลเมตร หลังจากไหว้ครูบาศรีวิชัยแล้ว ขับรถขึ้นไปอีกหน่อยก็จะถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพแล้วครับ

 วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร

 

วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อยู่ที่ถนนพระปกเกล้า วัดนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่พอดี ประดิษฐานเจดีย์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นในรัชกาลพระเจ้าแสนเมืองมากษัตริย์องค์ที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย (พ.ศ.1913-1954) ต่อมาพระยาติโลกราชโปรดให้ช่างขยายเจดีย์ให้สูงและกว้างกว่าเดิม แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2024 และอัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานระหว่าง พ.ศ.2011-2091 นานถึง 80 ปี ต่อมาในสมัยพระนางจิระประภา ได้เกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ. 2088 ทำให้ยอดเจดีย์หักโค่นลง ปัจจุบันเจดีย์มีความสูงคงเหลือ 40.8 เมตร ฐานกว้างด้านละ 60 เมตร

วิหาร หลวงของวัดนี้เจ้าคุณอุบาลีคุณปรมาจารย์ (สิริจันทะเถระ) และเจ้าแก้วนวรัฐเป็นผู้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2471 หน้าประตูทางเข้าวิหาร มีบันไดนาคเลื้อยงดงามยิ่ง ใช้หางเกี่ยวกระหวัดขึ้นไปเป็นซุ้มประตูวิหาร นาคคู่นี้เป็นฝีมือเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่เดิมได้ชื่อว่าเป็นนาคที่สวยที่สุด ของภาคเหนือ
และในวัดเจีย์หลวงนี้ยังมี เสาอินทขิล หรือ เสาหลักเมือง สร้างขึ้นเมื่อครั้งพ่อขุนเม็งรายมหาราชสร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 1839 ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุขทรงไทยหลังเล็กๆ เสาอินทขิลนี้สร้างด้วยไม้ซุงต้นใหญ่ ฝังอยู่ใต้ดิน ทุกปีในวันแรม 12 ค่ำเดือน 8 (เหนือ) หรือประมาณเดือนพฤษภาคมจะมีงานเรียกว่า เข้าอินทขิล เป็นการฉลองหลักเมือง

วันนี้ขอ 3 ที่ก่อนน่ะครับพรุ่งนี้จะเอาเรื่องวัดวาอารามมาลงต่อ เนื่องจากวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเชียงใหม่รวมถึงผมด้วย แต่ในเรื่องต่อๆไปจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตกต่างๆ มาลงครับ 

ขอบคุณที่ติดตามครับ

ROD   Suraphong Liabyai