วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ลมยาง..เรื่องเล็กๆที่คุณควรใส่ใจ

ถ้าถามว่าชิ้นส่วนใดในรถ เป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุด เราหลายคนคงจะนึกถึงเครื่องยนต์ที่มันจะเป็นหัวใจในการขับขี่ เพราะถ้าไม่มีเครื่องยนต์ รถก็คงขับเคลื่อนไม่ได้ ที่จะว่าไปก็ถูกต้องแล้ว แต่ชีวิตเรายามขับขี่นั้น เชื่อหรือไม่ว่ามีหลายคนไม่ใส่ใจในชิ้นส่วนที่ดูแลง่ายอย่าง ยางรถยนต์ ที่อาจนำคุณไปสู่อุบัติเหตุ
หลายคนไม่รู้ว่ายางสำคัญและปัจจุบันยางรถยนต์นั้น จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษา โดยเฉพาะลมยางที่จำเป็นต้องเติมเข้าไปให้สม่ำเสอเพื่อการขับขี่ที่ดีที่สุดยามคุณเดินทาง กับรถยนต์คู่ใจ
ลมยางนั้น เป็นอากาศที่ใช้ในการเติมเข้าไปในยางเพื่อให้ยางมีความแข็งเพียงพอที่จะให้หน้าสัมผัสของยางทำงานได้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่มันจะช่วยคุณในการเกาะถนน ไปจนถึงการเบรค ที่สามารถทำได้อย่างมั่นใจ ในยามที่ชีวิตของคุณนั้นไม่มีอะไรพึ่งได้นอกจาก ล้อทั้ง 4 ที่ใช้ในการทรงตัว และยางคือจุดหลักในการรับแรงสัมผัส แรงเสียดสีบนถนน เมื่อคุณทำการเบรกรถของคุณ
โดยปกติแล้ว เราควรตรวจสอบลมยางทุกๆ 2 สัปดาห์ในการใช้งานรถ เพื่อให้ลมยางสม่ำเสมอ เท่ากันทุกล้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยคุณป้องกันอุบัติเหตุด้วยไปในตัว เนื่องจากลมยางที่อ่อนนั้นจะทำให้ให้เนื้อยางถูกบดไปกับถนนมากเกินไปเป็นที่มาของความร้อนและท้ายสุด ยางระเบิด ทั้งๆที่ ยังไม่สิ้นอายุไขของยางเส้นนั้นๆ ทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุอีกด้วย
จริงอยู่การเติมลมยางอาจเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครก็รู้ และปัจจุบันก็ทำได้ง่ายยิ่ง ไม่ว่าคุณจะใช้เด็กปั้ม หรือลงไปเติมด้วยตัวเอง ด้วยตู้เติมลมอัตโนมัติ ซึ่งการเติมลมยางนี่ก็มีต้องมีเทคนิคในการเติม และทำได้ง่ายเพียงต้องเรียนรู้บางอย่าง

1.รู้ค่าลมที่ยางรับได้สูงสุด การเติมลมยางนั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ยางนั้นมีค่าลมยางสูงสุดที่รับได้เท่าไร ซึ่งถ้าคุณเปลี่ยนยางจากสแตนดาร์ดโรงงาน ก็อ่านค่าได้ง่ายๆ เพียงดูที่แก้มยาง ที่จะมีระบุไว้ให้อย่างชัดเจน และคุณต้องไม่เติมลมเกินกว่าเลขจำนวนนั้น เพราะ ถ้าคุณเติมลมมากเกินไปก็เสี่ยงต่อยางระเบิด เนื่องจาก เมื่อรถวิ่งอากาศภายในจะมีการขยายตัวจากความร้อนที่เกิดขึ้น และถ้าลมมีมวลมากมันก็หาทางออกนั่นเอง
2.รู้ปีของยาง การรู้ปีที่ผลิต สำคัญมาก เพราะเมื่อยางเก่าใกล้เสื่อมสภาพ เราไม่ควรจะเติมลมแข็งมาก เพราะหน้าสัมผัสของชั้นความหนายางที่เหลือน้อยลงทำให้ เกิดความร้อนได้ง่ายขึ้นนั่นเอง วิธีการอ่านปีของยางนั้นก็ทำง่ายๆ เพียงมองหายตัวเลขบนยางที่อยู่ในวงกลม/วงรีแล้วแต่ยี่ห้อ ซึ่งจะมีตัวเลข 3-4 ตัว โดย 2 ตัวแรกจะเป็นสัปดาห์ที่ผลิต ส่วน 2 ตัวหลังจะเป็นปีที่ถูกผลิต อย่าง 5210 อันนี้ก็อ่านว่า ยางดังกล่าวถูกผลิตสัปดาห์ที่ 52 ปี 2010
3.หาที่วัดลมยางของตัวเอง เราไม่รู้หรอกว่าที่วัดลมยางอันไหนเที่ยงตรงที่สุด เพราะแต่ละปั้ม หรือร้านก็ใช้ที่วัดคนละตัว ดังนั้นคุณควรซื้อที่วัดลมยางส่วนตัวเอาไว้ และหยิบมาใช้เมื่อต้องการ
4.ลมแข็ง อ่อน คุณตัดสินใจ หลายคนไม่แน่ใจว่าจะเติมลมแข็งลมอ่อน บ้างช่างว่า 35 ปอนด์ ก็ 35 ปอนด์อะไรแบบนั้น
การจะเติมลมแข็งลมอ่อนนั้น มีวิธีการตัดสินใจง่ายๆข้อเดียว คือลักษณะการขับขี่ของคุณ หากคุณเป็นพวกโลดโผนโจรทะยาน ต้องเติมลมแข็งเข้าว่า หลายคนถามว่าทำไม เพราะ ลมแข็งจะช่วยให้ยางแข็งช่วยให้ช่วงล่างแข็งขึ้นอีกเล็กน้อย และยังขยายหน้าสัมผัสยางดีขึ้นด้วย
กลับกันถ้าคุณชอบความสบายควรเติมลมอ่อน การเติมลมอ่อนนี้ไม่ใช่ว่าจะอ่อนมาก แต่ต้องกำลังพอดี โดยประมาณให้มีแรงดัน 30 ปอนด์ขึ้นไป เพื่อให้หน้ายางไม่บดพื้นจนเกินโดยปกติ ประมาณสัก 32 ปอนด์ถือว่ากำลังดี การเติมลมอ่อนมีข้อดีที่รถคุณจะดูสบายไปเลย เพราะช่วงล่างทำงานหนักน้อยลง แต่คุณก็เสี่ยงกับการไม่เกาะถนนมากขึ้น เพราะยางอ่อนจะทำให้รถร่อนได้ง่าย โดยเฉพาะยามถนนลื่น ฉะนั้นต้องขับรถไม่ใช้ความเร็วสูง

ทั้งนี้คุณควรจะหมั่นตรวจสอบลมยางเป็นประจำ และควรทำทุกครั้งที่มีโอกาส อย่างน้อยเดือนละครั้ง ยังไงก็คิดเสียว่าชีวิตคุณขึ้นอยู่กับพวกมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น