วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

10 ภาพที่คุณไม่มีวันจะได้เห็นถ้าไม่ใช้กล้องจุลทรรศน์ช่วย

10. ภาพต่อไปนี้เป็นภาพที่มาจากกล้องจุลทรรศน์ซึ่งเราไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างเราจะพบเห็นอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน แต่กระนั้นเราไม่ได้สังเกตชัดๆ หรือมองอย่างทะลุทุกรูขุมขนว่ารูปร่างแท้จริงมันเป็นอย่างไร
10. SP Protophormia
                
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์ของตัวอ่อนแมลงวันหัวเขียว(SP Protophormia) ที่มีเขี้ยวและฟันเล็กๆ ใหญ่ยาวยื่นจากปากของมัน ซึ่งเขี้ยวนี้สามารถซอนไซเข้าไปตามเนื้อเยื่อของคนได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นมันยังมีตาขอหนึ่งคู่ หากมองด้วยตาเปล่าที่ตัวอ่อนนี้จะไม่เห็นฟันดังกล่าวได้ชัดเพราะมันมีขนาดความยาวแค่ 10-14 มิลลิเมตรเท่านั้น และมีสีเทาปนเหลือง
(รู้ไปก็เท่านั้น : แมลงวันหัวเขียวมีรูปร่างคล้ายแมลงวันบ้านแต่มีลำตัวขนาดใหญ่กว่าแมลงวันบ้าน โดยมี ลักษณะเด่นคือลำตัวส่วนอกและท้องมีความมันวาวสะท้อนแสงสีเขียว ทำให้คนเรียกแมลงวันชนิดนี้ว่าแมลงวันหัวเขียวทั้งๆที่ส่วนเขียวเป็นส่วนอกและท้อง นอกจากนี้สีของแมลงวันหัวเขียวมีความแตกต่างกันไปในแมลงวันหัวเขียวแต่ละชนิดนอกจากจะมีแต่สีเขียว เช่น สีน้ำเงิน ม่วง ทองแดง)
9. Cat fleas
   
ภาพหมัดแมวจากกล้องจุลทรรศน์ หมัดจัดอยู่ในประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อยู่ในไฟลัมอาร์โธรพอด เป็นแมลงที่ไม่มีปีกขนาดเล็ก ซึ่งมีขนาดความยาวตลอดลำตัวราว 2-2.5 มิลลิเมตร ลำตัวด้านข้างแบน มีขาคู่หลังยาวใช้สำหรับการกระโดด ลำตัวเป็นปล้อง และมีหัวขนาดใหญ่ หมัดถือได้ว่าเป็นปรสิตสำหรับคน และสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหมัดแมวเป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในโลกของหมัด (รู้ไปก็เท่านั้น : หมัดเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้มนุษย์เกิดอาการภูมิแพ้)
8. pubic lice
   
ภาพจากกล้องจุลทรรศน์สแกนอิเล็กตอน ที่หัวของเหาโลน ซึ่งโลนเป็นแมลงตัวเล็กๆแบบเดียวกับเหา รูปร่างเหมือนปูทะเล อาศัยอยู่บนขน เช่น ขนหน้าอก ขนรักแร้ คิ้ว ขนตา โลนจะวางไข่ที่โคนขน ประมาณ 8-9 วันจึงจะฟักตัว หรืออาจถึง17วัน โลนกินเลือดคนเพื่อดำรงชีวิต โลนสามารถอาศัยห่างจากร่างกายคนได้ 24-48 ชั่วโมง เช่นบนที่นอน
(รู้ไปก็เท่านั้น : บริเวณที่ตัวโลนชอบอาศัยอยู่คือขนเพชรบริเวณขนองคชาต และสามารถติดต่อโดยการร่วมเพศ หรือใช้เครื่องสุขภัณฑ์ในห้องส้วมหรือใช้เสื้อผ้าร่วมกัน พบมากในวัยรุ่น โลนจัวเมียสามารถวางไข่ได้ประมาณ 10 ฟองต่อวันทุกวัน ได้นานนับเดือน จนกว่ามันจะตาย ไข่ของมันจะถูกติดแน่นอยู่บนขนหรือผมของเหยื่อ ที่บริเวณใกล้ๆ กับผิวหนัง เพื่อให้มีอุณหภูมิเหมาะสมในการจะฟักไข่เป็นตัว ไข่จะฟักเป็นตัวภายใน 6-10 วัน ไข่ของมันจะติดแน่นกับผมขนมากด้วยสาร Chitin ยากที่จะแกะเอาออกได้ และไข่ของมันจะสามารถทนมีชีวิตอยู่ไกลจากผิวของมนุษย์ ได้นานถึง 10 วัน)
7. Stellatarum Macroglossum
 
ภาพจากปลายลิ้น(งวง)ของนก hawkmoth นกที่เล็กที่สุดในโลก  โดยมันกางปีกสูงสุดเพียงแค่ 40-45 มิลลิเมตรรูปร่างคล้ายนกฮัมมิ่งเบิร์ดผึ้ง โดยงวงของมันใช้ดูน้ำหวานจากดอกไม้ ชอบบินในอากาศที่สดใสยามเช้า เนื่องจากสายตาของมันมีความสามารถรับรู้สีสันได้ โดยนกชนิดดังกล่าวกระจายตัวในโลกเก่าจากโปรตุเกสไปยังญี่ปุ่น ในภูมิอากาศอบอุ่น(ภาคใต้ของทวีปยุโรปทวีปแอฟริกา) (รู้ไปก็เท่านั้น : นกฮัมมิ่งเบิร์ดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่บินถอยหลังได้ และมันมีงอยปากแหลมยาวประมาณ 2 เท่า ของขนาดกะโหลกศีรษะ)
6. Tardigrade, aka "Water Bear"
 
ภาพหมีน้ำเกาะตะไคร่น้ำ ซึ่งหมีน้ำนั้นเป็นสัตว์ที่ไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล่องจุลทรรศน์มองเท่านั้น เป็นสัตว์ในไฟลัมทาร์ดิกราดา (Phylum Tardigrada) โดยทั่วไปร่างกายมักแบ่งเป็น 5 ปล้อง เป็นหัว 1 ปล้องและลำตัว 4 ปล้อง แต่ละปล้องลำตัวมีขา 1คู่ ดังนั้นจึงมีขาทั้งหมด 4 คู่ ปลายขามีกรงเล็บหรือแผ่นดูดเกาะ ขนาดลำตัวอาจเล็กถึง 0.05 มิลลิเมตรในระยะตัวอ่อนและบางชนิดอาจมีลำตัวยาวถึง 1.5 มิลลิเมตรในระยะตัวเต็มวัย ถิ่นที่อยู่อาศัยพบได้ทั้งบนบก ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อน ขั้วโลก ทะเลทราย ในมหาสมุทร ป่าหรือว่าในสวนหลังบ้านของคุณ  หากที่แห่งนั้นมีน้ำหรือความชื้น (รู้ไปก็เท่านั้น : หมีน้ำถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่อึดที่สุดในโลก มันสามารถอยู่ได้ 10 วันในพื้นที่สุญญากาศ หรือมีชีวิตอยู่ได้นานทศวรรษในที่ไม่มีน้ำ สามารถอยู่ในอุณหภูมิหนาวเย็นติดลบเกินศูนย์องศาหรือร้อนเกินกว่า 300 องศาฟาเรนไฮด์ได้)
5. Meal mite
  
ภาพไรฝุ่นในเส้นใยฝ้า ไรฝุ่นนั้นเป็นแมลงสัตว์ที่มีขนาดเล็กมาจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะมีขนาดเพียง 0.3 มิลลิเมตร เป็นสัตว์จำพวกแมลงแต่มีลักษณะคล้ายกับแมงมุม เห็บ หมัด และ มีขา 8 ขา มีหลายพันธุ์ พบเห็นได้ที่เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากเส้นใยอย่างโซฟาและพรมปูพื้นจนเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดเราก็ว่าได้ และเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคภูมิแพ้เยื่อจมูกอักเสบ ผิวหนังอักเสบ และโรคหอบหืด
(รู้ไปก็เท่านั้น : ตัวไรฝุ่นนั้นส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตราย แต่อุจจาระและศพของพวกมันต่างหากที่ทำให้เกิดอาการแพ้แก่คน และ อาหารของตัวไรฝุ่น คือ เซลล์ผิวหนังของคนและสัตว์เลี้ยงที่หลุดลอกออกมา ผิวหนังของคนนั้นโดยทั่วไปจะหลุดลอกวันละประมาณ 1.5 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอที่จะเลี้ยงตัวไรฝุ่นให้เจริญเติบโตได้เป็นอย่างดีโดยเศษผิวหนังเพียง 1 กรัมก็สามารถเลี้ยงไรฝุ่น 1,000,000 ตัวเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์เต็มๆ)
4. water flea
 
ภาพถ่ายรับรางวัล 2009 Olympus BioScapes Digital Imaging Competition ซึ่งเป็นรายการแข่งขันภาพถ่ายกล้องจุลทรรศน์ระดับโลก ที่ที่ดูเหมือนมนุษย์ต่างดาวนี้คือไรน้ำ สังเกตที่รูปว่ามีจุดเลือดสีฟ้านั้นก็คือนิวเคลียร์ในเซลล์ของไรน้ำ ภาพนี้ได้รางวัลชนะเลิศจาก 2000 ภาพ โดยให้เหตุผลว่ามันมีความงามและเต็มไปด้วยเทคนิค ส่วนใครอยากรู้ว่าภาพไหนได้รับรางวัลบ้างนั้นสามารถไปดูเว็บข้างล่าง
http://www.dailymail.co.uk/sciencetech/article-1229576/Under-microscope-Glowing-alien-like-flea-takes-photography-prize.html  (รู้ไปก็เท่านั้น : ไรน้ำเป็นสัตว์ที่พบเห็นโดยทั่วไป มักอยู่ในน้ำจืด มีขนาดเล็กมากประมาณ 0.1 มม. แบะ 3 มม. มักนิยมเพาะเลี้ยงทำเป็นอาหารปลา มีลักษณะเหมือนกุ้งตัวใส มีหลายชนิดกินสาหร่ายและแพลงก์ตอนเป็นอาหาร)
3. Chicken Embryo
 
http://asia.cnet.com/photogallery/0,3800005208,62048872,00.htm
ภาพถ่ายชนะเลิศการแข่งขัน Nikon's photomicroscopy contest ซึ่งเป็นงานประจำปีที่ส่งภาพจากกล้องจุลทรรศน์มาประกวด โดยภาพนี้เป็นภาพที่ดีที่สุดในการจัดงานนี้มากตั้งแต่ปี 1974 ในจำนวน 2000 ภาพที่เข้ามาประกวดจากทั่วโลกและใช้คะแนนจากการโหวตของผู้ชม โดยภาพนี้เป็นภาพถ่าย 6 เท่าของตัวอ่อนของไก่ โดยโทมัส(Tomas Pais de Azevedo of Lisbon)จากลิสบอน โปรตุโกส (รู้ไปก็เท่านั้น Embryo มาจากภาษากรีกแปลว่า แปลว่า สิ่งที่เติบโต)  
2.  Your Tooth
ภาพสแกนจากกล้องจุลทรรศน์อีเล็กตรอนของพื้นผิวฟันสีเหลือง ฟันเป็นอวัยวะที่ อยู่ภายในช่องปากของคนและสัตว์ฟันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในระบบย่อย อาหาร หน้าที่หลักของฟันคือ ฉีก บด อาหารให้คลุกเคล้ากับน้ำลาย และนอกจากนี้ยังมีส่วนสำคัญในการพูดออกเสียงด้วย ฟันถือเป็นอวัยวะที่สำคัญ อย่างหนึ่งของมนุษย์ และมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพ ดังนั้นจึงควรให้ความใส่ใจดูแลและรักษาอยู่เสมอ ด้วยการแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังอาหาร เพื่อกำจัดเศษอาหาร และ คราบจุลินทรีย์ และควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสภาพฟันทุกๆ 6 เดือน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ฟันมีสีเหลืองเนื่องจากการรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีสี เป็นประจำ เช่น ชา กาแฟ การสูบบุหรี่ รวมถึงแปรงฟันไม่สะอาดพอ จึงทำให้มีคราบอาหาร คราบแบคทีเรีย และหินปูน มาเกาะติดสะสมทีละน้อย ๆ จนเห็นเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล (รู้ไปก็เท่านั้น โรคฟันผุ เป็นโรคท๊อปฮิตของคนไข้ที่มาพบทันตแพทย์ ต้นเหตุโรคคือแบคทีเรียชื่อ Streptococcus mutans ซึ่งติดต่อได้ทางน้ำลาย)
1. Jimmy Dean Sausage
 
จิมมี่ ดีน(1928-2010)เป็นชื่อนักร้องอเมริกัน แต่กระนั้นสิ่งที่เขามีชื่อเสียงมากที่สุดไม่ใช่เพลงหากแต่เป็นยี่ห้อ ผลิตภัณฑ์ไส้กรอกจิมมี่ ดีน ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1969 โดยผลิตภัณฑ์ไส้กรอกนี้ค่อนข้างนิยมในอเมริกา
ภาพที่เห็นต่อไปนี้มาจากเว็บ http://www.naturalnews.com/PhotoTour_Mystery_Meat_8.html โดยเว็บดังกล่าวไม่รู้คนทำว่างจัดหรือเปล่า เขาได้ซูมกันเล่นๆ ว่าหากเอากล้องจุลทรรศน์ธรรมดาทั่วไปไปส่องดูเนื้อไส้กรอกที่เรากินทุกวัน แล้วมันจะมีหน้าตาเป็นยังไง และนี้คือหนึ่งในภาพในเว็บนั้นซึ่งภาพที่ส่องเป็นผลิตภัณฑ์ไส้กรอกติดมันของ จิมมี่ ดีน
ภาพขนาด 1x ไส้กรอกหมูที่ถูกตัดขวาง
ภาพขนาด 2x ที่เริ่มเห็นรายละเอียดของไขมันและเนื้อเหนียวของไส้กรอก ซึ่งเราสามารถพบเห็นหากคุณมองอย่างใกล้ชิด
ภาพขนาด 3x เริ่มแสดงรายละเอียดของพื้นผิวไขมันของไส้กรอก
ภาพขนาด 4x แสดงให้เห็นการปรากฏตัวท่อเนื้อคอลลาเจน(ที่เหมือนกระดาษใส) ในเนื้ออย่างชัดเจน และเส้นไขมันที่แทรกในเนื้อ
เนื้อหาจาก
http://www.telegraph.co.uk/science/picture-galleries/7924099/Creepy-crawlies-Amazing-Scanning-Electron-Microscope-pictures-of-insects-and-spiders.html
และวิกิพีเดียไทย
เครดิต: CAMMY ผ่าน http://www.unigang.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น